การป้องกันโรคซิฟิลิส
การป้องกันการติดเชื้อจากโรคซิฟิลิส จึงต้องหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคนี้ และหากไม่มั่นใจควรสวมถุงยางอนามัยเพื่อการป้องกันทุกครั้ง
ส่วนคู่รักที่วางแผนแต่งงาน ควรตรวจร่างกายโดยละเอียดและตรวจหาเชื้อซิฟิลิสด้วยก่อนการแต่งงานและวางแผนตั้งครรภ์ เพราะหากพบว่าติดเชื้อก็จะได้วางแผนรักษาให้หายขาดดีกว่าจะเกิดปัญหาสุขภาพ ด้วยการแพร่กระจายเชื้อให้อีกฝ่ายและส่งผ่านเชื้อให้ทารกในครรภ์ ซึ่งอาจทำให้ทารกพิการและเสียชีวิตในเวลาต่อไป
โรคซิฟิลิสติดต่อได้อย่างไร
โรคซิฟิลิส สามารถติดได้ผ่านจากคนสู่คน จัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ด้วยการสัมผัสโดยตรงกับแผลที่มีเชื้อซิฟิสิส ซึ่งแผลนี้จะอยู่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกช่องคลอด ปากทวารหนัก หรือที่ทวารหนัก
จึงสามารถติดต่อต่อกันได้ ขณะมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดทวารหนักหรือทางปาก นอกจาก โรคซิฟิลิส นี้ยังสามารถติดต่อผ่านได้จากแม่สู่ลูก โดยสตรีที่ตั้งครรภ์สามารถผ่านเชื้อนี้ไปให้ทารกที่อยู่ในครรภ์ได้ หรือระหว่างการคลอดได้ การติดเชื้อกรณีนี้จะเรียกว่า โรคติดเชื้อซิฟิลิสโดยกำเนิด (Congenital syphilis) ซึ่งนับเป็นการติดเชื้อที่รุนแรง ส่งผลให้เด็กมีอาการหูหนวก ตาบอดมีความผิดปกติทางโครงสร้างต่างๆ รวมถึงความผิดปกติทางระบบประสาทในเด็กได้ และมีผลร้ายแรงอาจถึงแก่ชีวิต
แต่เชื้อนี้จะไม่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสภายนอก เช่น ใช้สระว่ายน้ำร่วมกัน การนั่งโถส้วม หรือ ช้อนส้อม หรือการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ แบบที่หลายคนกังวล ดังนั้นหากใครกลัว โรคซิฟิลิสระบาด แล้วจะมาถึงตน ก็วางใจได้
ภาวะแทรกซ้อนหลังจากเป็นโรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิสจะมีความรุนแรงและอันตรายมากขึ้นหากไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง เนื่องจากเชื้อสามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างกายและส่งผลร้ายต่ออวัยวะสำคัญ อีกทั้ง ซิฟิลิส ยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีได้ง่าย สุดท้ายอาจลงเอยด้วยความพิการและเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย หรือ ทารกในครรภ์
การวินิจฉัยโรคซิฟิลิส
ปัจจุบัน สามารถตรวจหาเชื้อซิฟิลิส ได้จากการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิคุ้มกันแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดซิฟิลิส มีความแม่นยำสูง และทราบผลตรวจได้เร็ว โดยเฉลี่ยรอผลตรวจประมาณ 15-30 นาที สามารถตรวจเช็คได้โดยไม่ต้องมีอาการแสดง หรือผื่น แผล มี 2 วิธีคือ
- ตรวจเลือดเพิ่มเพื่อดูปริมาณซิฟิลิสในเลือด หรือเรียกว่า VDRL สามารถรู้ผลใน 1 วัน เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
- การเจาะเลือดที่เจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส เพื่อยืนยันการวินิจฉัย แต่การมีแผลบริเวณอื่น ๆ ที่เปิดอยู่แล้วการตรวจในบ้างครั้งอาจมีการเก็บตัวอย่างของเหลวจากแผลไปทดสอบได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการตรวจน้ำไขสันหลัง ( Cerebrospinal Fluid Test ) จะทำในกรณีสงสัยการติดเชื้อในระบบประสาท
คำถามโรคซิฟิลิสที่พบบ่อย
แค่จูบปากก็สามารถติดเชื้อซิฟิลิสได้
แม้โรคซิฟิลิสจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ก็สามารถติดต่อได้ทางอื่นด้วย ผ่านการสัมผัสแผลโดยตรงของผู้ติดเชื้อ ทั้งจากผิวหนัง เยื่อบุตา หรือปาก ในกรณีการจูบปาก กับผู้ที่มีแผลซิฟิลิสในปาก ก็สามารถติดเชื้อจากเขาได้เช่นกัน แต่จากสถิติ สามารถพบได้น้อยมาก แต่สามารถพบได้ รวมถึงกรณี ใช้ปาก เลียแผล สัมผัสแผลที่มีเชื้อซิฟิลิส ทั้งบริเวณในช่องปาก ลิ้น อวัยวะเพศ หรือช่องทวารหนัก ก็สามารถติดต่อ
ซิฟิลิสติดทางน้ำลายไหม
โรคซิฟิลิส สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสถูกเชื้อโดยตรงจากแผลของผู้ป่วย การใช้ช้อนส้อม หรือดื่มน้ำแก้วเดียวกันลักษณะนี้ เชื้อไม่สามารถติดต่อกันได้
ซิฟิลิสกับเอดส์เหมือนกันไหม
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าโรคซิฟิลิส และโรคเอดส์ เป็นโรคคนละชนิด และเกิดจากเชื้อแบคทีเรียต่างกัน
- โรคซิฟิลิสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
- โรคเอดส์เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส หรือ HIV
โรคเอดส์ หรือ เชื้อไวรัส HIV จะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อถูกทำลาย จึงมีโอกาสติดเชื้ออื่นได้ซ้ำโดยง่าย นั่นหมายความว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์สามารถได้รับเชื้อซิฟิลิสได้
รักษาซิฟิลิสได้ที่ไหน
โรคซิฟิสิสรักษาได้ไม่ยาก สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว โรงพยาบาลประจำจังหวัด และโรงพยาบาลชั้นนำจะมีความสามารถในการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษา หรือจะสอบถามปรึกษาการรักษาซิฟิลิสกับทาง Bangkok safe clinic ก็ได้เช่นกัน
ซิฟิลิสรักษาให้หายขาดได้ไหม
โรคซิฟิลิสสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ ยิ่งตรวจพบได้เร็ว ผลการรักษายิ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หากรู้สึกสงสัยหรือพบอาการที่อาจเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็น โรคซิฟิลิส หรือไม่ ทางที่ดีคือ อย่าละเลย ควรรีบไปพบแพทย์และรับการรักษาอย่างเหมาะสม ทั้งตนเองและคู่นอน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา และหากไม่อยากเสี่ยงติดเชื้อ จึงควรศึกษาเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเรียนรู้วิธีป้องกันตนเองเพื่อมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยที่สุด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/hph/admin/news_files/574_49_1.pdf